ติดฟิล์มรถยนต์ ความเข้มแค่ไหนถึงพอดี วันที่สร้าง : 2023-08-19 14:56:28 เปิดดูทั้งหมด : 1168 ครั้ง ความเข้มของฟิล์มกรองแสงยอดนิยม ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ( หรือ ที่มักเรียกว่า ฟิล์มรถยนต์ ) คือ แผ่นพลาสติกใสบาง ๆ ที่มีการเคลือบด้วยสารพิเศษ ติดตั้งบนกระจกรถยนต์ มีคุณสมบัติมากมายดังนี้ 7 คุณสมบัติของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 1. ป้องกันแสงแดด ฟิล์มกรองแสงสามารถช่วงป้องกันรังสียูวี ( UV ) ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวคล้ำ ฝ้า กระ และมะเร็งผิวหนัง 2. ป้องกันความร้อน ฟิล์มกรองแสงสามารถช่วยป้องกันรังสีความร้อนจากแสงแดด ช่วยทำให้ห้องโดยสารเย็นสบายมากขึ้น ลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ 3. เพิ่มความเป็นส่วนตัว ฟิล์มกรองแสงช่วยจำกัดการมองเห็นจากภายนอก ทำให้เมื่อภายนอกมองมาจะมองไม่เห็นถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 4. เพิ่มความปลอดภัย ฟิล์มกรองแสงจะช่วยยึดเศษกระจกไว้ด้วยกัน ป้องกันอันตรายจากกระจกแตกกระจาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ 5. เพิ่มความสวยงาม ฟิล์มกรองแสงมีหลากหลายสี หลายหลากความเข้ม ช่วยให้รถสวยงาม ทันสมัย และมีสไตล์ที่แตกต่าง 6. รักษาอุปกรณ์ภายในรถ ฟิล์มกรองแสงจะช่วยป้องกันอุปกรณ์ภายในรถบริเวณที่แสงแดดส่องถึง เช่น เบาะที่นั่ง คอนโซล และแผงหน้า ไม่ให้สีซีดจาง แห้งกรอบ หรือแตกร้าว 7. เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ฟิล์มกรองแสงจะช่วยให้แสงแดดที่ส่องแบบแสงจ้ามาก ๆ ดูอ่อนลง ลดแสงสะท้อนต่าง ๆ ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสบายตามากขึ้น ความเข้มของฟิล์มกรองแสงยอดนิยม ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ มีให้เลือกหลากหลายความเข้ม โดยความเข้มจะวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ของแสงสว่างที่สามารถผ่านเข้ามาในรถได้ โดยความเข้มของฟิล์มที่นิยมใช้จะมี 40% , 60% และ 80% จะมีความเหมาะสมในการติดตั้งดังนี้ ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 40% – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 40-80% – ป้องกันความร้อนได้ 50-60% – สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน – สำหรับผู้ที่ต้องการความสว่างภายในรถ – เหมาะกับการติดตั้งสำหรับกระจกบานหน้า ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 60% – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 20-40% – ป้องกันความร้อนได้ 60-70% – มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน – สำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความสว่างและความเย็นสบาย – เหมาะกับการติดตั้งสำหรับกระจกรอบคัน ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 80% – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 5-20% – ป้องกันความร้อนได้ 80-90% – มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน – สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความเย็นสบาย – เหมาะกับการติดตั้งกระจกรอบบคัน 5 ปัจจัยสำคัญที่มีผลในการเลือกความเข้มของฟิล์มกรองแสง ฟิล์มกรองแสงทุกชนิดไม่ได้เหมาะสมกับรถ หรือผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกประเภท ดังนั้นควรเลือกฟิล์มกรองแสงให้เหมาะสมกับการใช้งาน ดังนี้ 1. การใช้งาน – ขับขี่ในช่วงกลางวัน ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่สามารถป้องกันรังสี UV และป้องกันความร้อน โดยแนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 40-60% – ขับขี่ในช่วงกลางคืน เลือกฟิล์มกรองแสงที่สามารถมองเห็นจากภายในได้ชัดเจน ไม่เลือกฟิล์มสีเข้มจนเกินไป เพราะจะทำให้มองเห็นได้ลำบาก แนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 40% – ต้องการความเป็นส่วนตัว เลือกฟิล์มที่เน้นความเข้ม ภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ แนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 60-80% 2. กฎหมาย ในไทยการติดฟิล์มความเข้ม 80% ไม่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการยกเลิกกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 แต่ปัจจุบันฟิล์มกรองแสงประเภทที่มีปรอทสูงยังผิดกฎหมายอยู่ เนื่องจากฟิล์มกรองแสงที่มีปรอทสูง จะมีค่าสะท้อนแสงที่สูง ทำให้รบกวนสายตาผู้อื่นขณะขับขี่ 3. คุณสมบัติของฟิล์ม ควรเลือกฟิล์มที่มีค่าการป้องกันความร้อนที่ดี ดูได้จากค่า IR ( Infrared Rejected ) เนื่องจากฟิล์มบางชนิดที่ความเข้มของฟิล์มน้อยกว่าก็สามารถป้องกันความร้อนได้ดีเช่นกัน เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศประเทศไทย 4. สีรถ ฟิล์มกรองแสงสีให้เลือกหลายสี ดังนั้นฟิล์มกรองแสงบางสี ก็จะช่วยให้รถดูโดดเด่นมากขึ้น 5. สุขภาพ สำหรับผู้ขับขี่ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา เช่น มองในที่มืดไม่ชัดเจน ไม่ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีความเข้มมากจนเกินไป%