บทความ

ติดฟิล์มรถยนต์ ความเข้มแค่ไหนถึงพอดี

ความเข้มของฟิล์มกรองแสงยอดนิยม

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ( หรือ ที่มักเรียกว่า ฟิล์มรถยนต์ ) คือ แผ่นพลาสติกใสบาง ๆ ที่มีการเคลือบด้วยสารพิเศษ ติดตั้งบนกระจกรถยนต์ มีคุณสมบัติมากมายดังนี้

7 คุณสมบัติของฟิล์มกรองแสงรถยนต์

1. ป้องกันแสงแดด ฟิล์มกรองแสงสามารถช่วงป้องกันรังสียูวี ( UV ) ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวคล้ำ ฝ้า กระ และมะเร็งผิวหนัง

2. ป้องกันความร้อน ฟิล์มกรองแสงสามารถช่วยป้องกันรังสีความร้อนจากแสงแดด ช่วยทำให้ห้องโดยสารเย็นสบายมากขึ้น ลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

3. เพิ่มความเป็นส่วนตัว ฟิล์มกรองแสงช่วยจำกัดการมองเห็นจากภายนอก ทำให้เมื่อภายนอกมองมาจะมองไม่เห็นถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

4. เพิ่มความปลอดภัย ฟิล์มกรองแสงจะช่วยยึดเศษกระจกไว้ด้วยกัน ป้องกันอันตรายจากกระจกแตกกระจาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

5. เพิ่มความสวยงาม ฟิล์มกรองแสงมีหลากหลายสี หลายหลากความเข้ม ช่วยให้รถสวยงาม ทันสมัย และมีสไตล์ที่แตกต่าง

6. รักษาอุปกรณ์ภายในรถ ฟิล์มกรองแสงจะช่วยป้องกันอุปกรณ์ภายในรถบริเวณที่แสงแดดส่องถึง เช่น เบาะที่นั่ง คอนโซล และแผงหน้า ไม่ให้สีซีดจาง แห้งกรอบ หรือแตกร้าว

7. เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ฟิล์มกรองแสงจะช่วยให้แสงแดดที่ส่องแบบแสงจ้ามาก ๆ ดูอ่อนลง ลดแสงสะท้อนต่าง ๆ ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสบายตามากขึ้น

ความเข้มของฟิล์มกรองแสงยอดนิยม

               ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ มีให้เลือกหลากหลายความเข้ม โดยความเข้มจะวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ของแสงสว่างที่สามารถผ่านเข้ามาในรถได้ โดยความเข้มของฟิล์มที่นิยมใช้จะมี 40% , 60% และ 80% จะมีความเหมาะสมในการติดตั้งดังนี้

ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 40%

               – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 40-80%
               – ป้องกันความร้อนได้ 50-60%
               – สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน
               – สำหรับผู้ที่ต้องการความสว่างภายในรถ
               – เหมาะกับการติดตั้งสำหรับกระจกบานหน้า

ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 60%

               – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 20-40%
               – ป้องกันความร้อนได้ 60-70%
               – มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน
               – สำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความสว่างและความเย็นสบาย
               – เหมาะกับการติดตั้งสำหรับกระจกรอบคัน

ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 80%

               – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 5-20%
               – ป้องกันความร้อนได้ 80-90%
               – มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน
               – สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความเย็นสบาย
               – เหมาะกับการติดตั้งกระจกรอบบคัน

5 ปัจจัยสำคัญที่มีผลในการเลือกความเข้มของฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสงทุกชนิดไม่ได้เหมาะสมกับรถ หรือผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกประเภท ดังนั้นควรเลือกฟิล์มกรองแสงให้เหมาะสมกับการใช้งาน ดังนี้

    1. การใช้งาน

          – ขับขี่ในช่วงกลางวัน ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่สามารถป้องกันรังสี UV และป้องกันความร้อน โดยแนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 40-60%
          – ขับขี่ในช่วงกลางคืน เลือกฟิล์มกรองแสงที่สามารถมองเห็นจากภายในได้ชัดเจน ไม่เลือกฟิล์มสีเข้มจนเกินไป เพราะจะทำให้มองเห็นได้ลำบาก แนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 40%
          – ต้องการความเป็นส่วนตัว เลือกฟิล์มที่เน้นความเข้ม ภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ แนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 60-80%

      2. กฎหมาย ในไทยการติดฟิล์มความเข้ม 80% ไม่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการยกเลิกกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 แต่ปัจจุบันฟิล์มกรองแสงประเภทที่มีปรอทสูงยังผิดกฎหมายอยู่ เนื่องจากฟิล์มกรองแสงที่มีปรอทสูง จะมีค่าสะท้อนแสงที่สูง ทำให้รบกวนสายตาผู้อื่นขณะขับขี่

     3. คุณสมบัติของฟิล์ม ควรเลือกฟิล์มที่มีค่าการป้องกันความร้อนที่ดี ดูได้จากค่า IR ( Infrared Rejected ) เนื่องจากฟิล์มบางชนิดที่ความเข้มของฟิล์มน้อยกว่าก็สามารถป้องกันความร้อนได้ดีเช่นกัน เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศประเทศไทย

    4. สีรถ ฟิล์มกรองแสงสีให้เลือกหลายสี ดังนั้นฟิล์มกรองแสงบางสี ก็จะช่วยให้รถดูโดดเด่นมากขึ้น

     5. สุขภาพ สำหรับผู้ขับขี่ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา เช่น มองในที่มืดไม่ชัดเจน ไม่ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีความเข้มมากจนเกินไป%